http://www.baanjomyut.com/library/thai_play/
วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
แผนปฏิบัติงาน
ลำดับที่
|
กิจกรรม
|
เดือนที่1
|
เดือนที่2
|
เดือนที่3
|
เดือนที่4
| |||||||||||||||
1
|
2
|
3
|
4
|
1
|
2
|
3
|
4
|
1
|
2
|
3
|
4
|
1
|
2
|
3
|
4
| |||||
1
|
ศึกษาข้อมูลการละเล่นต่างๆ
| |||||||||||||||||||
2
|
ออกแบบรายละเอียดข้อมูล
| |||||||||||||||||||
3
|
ศึกษาการสร้างบล็อก
| |||||||||||||||||||
4
|
ออกแบบโครงสร้างบล็อก
| |||||||||||||||||||
5
|
พัฒนาข้อมูลการละเล่นใน บล็อก
| |||||||||||||||||||
6
|
ทดสอบและแก้ไข
| |||||||||||||||||||
7
|
นำเสนอ
| |||||||||||||||||||
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
การตอบรับจากผู้ที่ได้ศึกษา ผู้ที่ได้ศึกษาสามารถเล่นการละเล่นของไทยได้อย่างถูกต้องและสนุกสนาน
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ประวัติการละเล่นของไทย
การละเล่นของเด็กไทยนั้นมีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ก่อนประวัติศาสตร์แล้ว กล่าวคือ เมื่อมนุษย์รู้จักเอาดินมาปั้นเป็นภาชนะ สิ่งของเครื่องใช้ในครั้งแรกแล้วจึงพัฒนามาเป็นลำดับ เด็ก ๆ เห็นผู้ใหญ่ทำก็เลียนแบบนำดินมาปั้นเล่นบ้าง ประวัติศาสตร์ได้มีการบันทึกว่า คนไทยมีการละเล่นมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย จากความในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง สมัยสุโขทัยหลักที่ 1 กล่าวว่า “…ใครใคร่จักมักเล่น เล่น ใครจักมักหัว หัว ใครจักมักเลื่อน เลื่อน…” แต่ไม่มีรายละเอียดกล่าวไว้ว่าคนสมัยนั้นมีการละเล่นอะไรบ้าง ในตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ มีการกล่าวถึงการละเล่นของคนสมัยนั้นว่า “...เดือนยี่ถึงการพระราชพิธีบุษยาภิเษก เถลิงพระโค กินเลี้ยงเป็นนักขัตฤกษ์ หมู่นางในก็ได้ดูชุดชักว่าวหง่าวฟังสำเนียง เสียงว่าว ร้องเสนาะลั่นฟ้าไปทั้งทิวาราตรี...”
ในสมัยอยุธยา ก็ได้กล่าวถึงการแสดงเรื่อง มโนห์รา ไว้ในบทละครครั้งกรุงเก่า ซึ่งเรื่องนี้สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า แต่งก่อนสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ การละเล่นที่ปรากฏในบทละครเรื่องนี้ คือ ลิงชิงหลักและการเล่นปลาลงอวน ซึ่งประเพณีและวัฒนธรรมสมัยก่อน มักสอดแทรกความสนุกสนานบันเทิงควบคู่กันไปกับการทำงาน ทั้งในชีวิตประจำวัน และเทศกาลงานบุญ ตามระยะเวลาแห่งฤดูกาล ในสมัยอยุธยา บทละครกรุงเก่าได้กล่าวถึงการละเล่นบางอย่างที่คุณคงจะคุ้นเคยดีเมื่อสมัยยังเด็ก คือลิงชิงหลักและปลาลงอวน ในบทที่ว่า
“เมื่อนั้น โฉมนวลพระพี่ศรีจุลา ว่าเจ้าโฉมตรูมโนห์รา มาเราจะเล่นกระไรดี เล่นให้สบายคลายทุกข์ เล่นให้สนุกในวันนี้ จะเล่นให้ขันกันสักทีเล่นให้สนุกกันจริงจริง มาเราจะวิ่งลิงชิงเสา ช้างโน้นนะเจ้าเป็นแดนพี่ ช้างนี้เป็นแดนเจ้านี้ เล่นลิงชิงเสาเหมือนกัน ถ้าใครวิ่งเร็วไปข้างหน้า ถ้าใครวิ่งช้าอยู่ข้างหลัง เอาบัวเป็นเสาเข้าชิงกัน ขยิกไล่ผายผันกันไปมา เมื่อนั้น โฉมนวลพระพี่ศรีจุลา บอกเจ้าโฉมตรูมโนห์รา มาเราจะเล่นปลาลงอวน บัวผุดสุดท้องน้องเป็นปลา ลอยล่องท่องมาเจ้าหน้านวลจะขึงมือกันไว้เป็นสายอวน ดักท่าหน้านวลเจ้าล่องมา ออกหน้าที่ใครจับตัวได้ คุมตัวเอาไว้ว่าได้ปลา”
ในสมัยอยุธยา ก็ได้กล่าวถึงการแสดงเรื่อง มโนห์รา ไว้ในบทละครครั้งกรุงเก่า ซึ่งเรื่องนี้สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า แต่งก่อนสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ การละเล่นที่ปรากฏในบทละครเรื่องนี้ คือ ลิงชิงหลักและการเล่นปลาลงอวน ซึ่งประเพณีและวัฒนธรรมสมัยก่อน มักสอดแทรกความสนุกสนานบันเทิงควบคู่กันไปกับการทำงาน ทั้งในชีวิตประจำวัน และเทศกาลงานบุญ ตามระยะเวลาแห่งฤดูกาล ในสมัยอยุธยา บทละครกรุงเก่าได้กล่าวถึงการละเล่นบางอย่างที่คุณคงจะคุ้นเคยดีเมื่อสมัยยังเด็ก คือลิงชิงหลักและปลาลงอวน ในบทที่ว่า
“เมื่อนั้น โฉมนวลพระพี่ศรีจุลา ว่าเจ้าโฉมตรูมโนห์รา มาเราจะเล่นกระไรดี เล่นให้สบายคลายทุกข์ เล่นให้สนุกในวันนี้ จะเล่นให้ขันกันสักทีเล่นให้สนุกกันจริงจริง มาเราจะวิ่งลิงชิงเสา ช้างโน้นนะเจ้าเป็นแดนพี่ ช้างนี้เป็นแดนเจ้านี้ เล่นลิงชิงเสาเหมือนกัน ถ้าใครวิ่งเร็วไปข้างหน้า ถ้าใครวิ่งช้าอยู่ข้างหลัง เอาบัวเป็นเสาเข้าชิงกัน ขยิกไล่ผายผันกันไปมา เมื่อนั้น โฉมนวลพระพี่ศรีจุลา บอกเจ้าโฉมตรูมโนห์รา มาเราจะเล่นปลาลงอวน บัวผุดสุดท้องน้องเป็นปลา ลอยล่องท่องมาเจ้าหน้านวลจะขึงมือกันไว้เป็นสายอวน ดักท่าหน้านวลเจ้าล่องมา ออกหน้าที่ใครจับตัวได้ คุมตัวเอาไว้ว่าได้ปลา”
พระยาอนุมานราชธน ได้กล่าวถึง การละเล่นของเด็กไทยสมัยท่านไว้ใน “ ฟื้นความหลัง “ ว่า
“ การละเล่นของเด็กปูนนี้ไม่ใช่มีปืน มีรถยนต์เล็กๆ อย่างที่เด็กเล่นกันเกร่ออยู่ในเวลานี้ ลูกหนัง สำหรับเล่น แม้ว่ามีแล้วราคาแพง และยังไม่แพร่หลาย ตุ๊กตาที่มีดื่น คือ ตุ๊ตาล้มลุก และตุ๊กตาพราหมณ์ นั่งท้าวแขน สำหรับเด็กผู้หญิงเล่น ตุ๊กตาเหล่านี้เด็กๆ ชาวบ้านไม่มีเล่น เพราะต้องซื้อ จะมีแต่ผู้ใหญ่ทำ ให้หรือไม่ก็เด็กทำกันเองตามแบบอย่างที่สืบต่อจำมาตั้งแต่ไหนก็ไม่ทราบ เช่น ม้าก้านกล้วย ตะกร้อสาน ด้วยทางมะพร้าวสำหรับโยนเตะเล่น หรือตุ๊กตาวัว ควาย ปั้นด้วยดินเหนียว
ของเด็กเล่นที่สมัยนั้นนิยมเล่นกันคือ “ กลองหม้อตาล “ ในสมัยนั้นขายน้ำตาล เมื่อใช้หมดแล้ว เด็กๆ ก็นำมาทำเป็นกลอง มีวิธีทำคือ ใช้ผ้าขี้ริ้วหุ้มปากหม้อเอาเชือกผูกรัดคอหม้อให้แน่นแล้วเอาดิน เหนียวเหลวๆ ละเลงทาให้ทั่ว หาไม้เล็กๆ มาตีผ้าที่ขึงข้างๆ หม้อโดยรอบ เพื่อขันเร่งให้ผ้าตึงก็เป็นอันเสร็จ ตีได้ มีเสียงดัง กลองหม้อตาลของใครตีดังกว่ากันเป็นเก่ง ถ้าตีกระหน่ำจนผ้าขาดก็ทำใหม่
เด็กผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบเล่น “ หม้อข้าวหม้อแกง “ หรือเล่นขายของหุงต้มแกงไปตามเรื่อง เอา เปลือกส้มโอ เปลือกมังคุด หรือใบก้นบิด ผสมด้วยปูนแดงเล็กน้อยคั้นเอาน้ำข้นๆ รองภาชนะอะไรไว้ไม่ช้า จะแข็งตัวเอามาทำเป็นวุ้น”
ปัจจุบันการละเล่นของเด็กไทยในปัจจุบัน เด็กผู้หญิงเล่นตุ๊กตากระดาษชุดขายของพลาสติกเลียนแบบของจริง วิดีโอเกม เด็กผู้ชายก็เล่นปืน จรวด เกมกด และเครื่องเล่นต่างๆ ซึ่งมีขายมากมาย และมีการละเล่นหลาย ชนิดที่นิยมเล่นทั้งในเด็กชายและเด็กหญิง นอกจากนั้นยังเล่นตามฐานะและเศรษฐกิจของครอบครัว ดังนั้นการละเล่นของเด็กไทยสมัยก่อนจึงค่อยๆ เลื่อนหายไปทีละน้อยๆ จนเกือบจะสูญหายไปหมดแล้ว เช่น กาฟักไข่ เขย่งเก็งกอย ตั้งเต ตี่ ขี่ม้าส่งเมืองขี้ตู่กลางนา เตย งูกินหาง ช่วงชัย ชักเย่อ ซ่อนหา มอญซ่อนผ้า ไอ้โม่ง รีรีข้าวสาร ฯลฯ
รายละเอียดเกี่ยวกับโครงงาน
แนวคิด ที่มา และความสำคัญ
การละเล่นของเด็กไทยเป็นการละเล่นของเด็กตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ในปัจจุบันมักไม่ค่อยพบเห็นการละเล่นประเภทเหล่านี้บ่อยนัก เพราะยุคสมัยที่เปลี่ยนไปจึงทำให้การละเล่นแบบไทยได้ห่างไปจากสังคมไทยไปมาก กลุ่มของพวกเราได้ตระหนักถึงความสำคัญของการละเล่นต่างๆเหล่านี้ จึงได้จัดทำโครงงานเกี่ยวกับที่มาและความสำคัญ รวมถถึงวิธีการละเล่นของไทยในประเภทต่างๆเพื่อให้การละเล่นของไทยยังอยู่คู่กับสังคมไทยต่อไป
วัตถุประสงค์
1. เพื่อแนะนำความเป็นมา ที่มา ของกาละเล่นประเภทนั้นๆ
2. เพื่อแนะนำวิธีการเล่นของการละเล่นประเภทนั้นๆอย่างถูกต้อง
3. เพื่อรักษาการละเล่นของไทยให้อยู่กับสังคมไทยต่อไป
4. เพื่อศึกษาการละเล่นของไทย
หลักการและทฤษฎี
การละเล่นของไทย เป็นโครงงานประเภทพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา ซึ่งสามารถพัฒนาโดยใช้โปรแกรม Blogger เป็นหลัก ซึ่งอาจต้องมีภาคแบบฝึกหัดและทดลองเล่นจริงผู้เรียนสามารถเรียนได้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยเนื้อหาอาจครอบคลุมถึงข้อมูลของประวัติสามเป็นมา วิธีการเล่น ของการละเล่นแต่ละประเภท เช่น มอญซ่อนผ้า งูกินหาง รีรีข้าวสาร เป็นต้น
วิธีดำเนินงาน
Ø เทคโนโลยีที่ใช้โปรแกรมจะมี 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ
- Input ซึ่งรับค่ามาจาก mouse และ keyboard แล้วนำมาระมวลผลต่อไปยังโปรแกรม
- Output ซึ่งแสดงผลมาจาก monitor
Ø เครื่อมือที่ใช้ในการพัฒนา
- Photoshop
- Blogger
- Photo scape
รายละเอียดของโปรแกรมที่พัฒนา
“การละเล่นของไทย” จัดทำเป็นเว็บไซต์โดยใช้โปรแกรม Blogger โดยมีทั้งหมด 10 เพจ เพจแรกเป็นข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของการละเลนของไทย เพจที่ 2-10 เป็นข้อมูลและวิธีการละเล่นประเภทนั้นๆ แต่ละเพจมีรูปและสีสันสวยงามเพื่อชักชวนให้ผู้ศึกษาสนใจในการศึกษามากขึ้น
โครงงานคอมพิวเตอร์
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) : การละเล่นของไทย
(ภาษาอังกฤษ) : Games of Thailand
ประเภทโครงงาน : โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทำโครงงาน : 1. น.ส. สุดารัตน์ ศิริคุณ
2. น.ส. บุญญิสา เทพสวัสดิ์
3. น.ส. ยุพาธิณี จิตสุโภ
ชื่อครูที่ปรึกษา : คุณครู เฉลิมยศ สูงชัยภูมิ
ระยะเวลาดำเนินงาน : 4 เดือน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)